เช่นทัวร์ชมดอกไม้ในฤดูใบไม้ผลิ มาตั้งธีมที่ถูกใจกันเถอะ

รู้จักภาษาญี่ปุ่นคำว่า “ฮานามิ” ไหม? ตั้งแต่ช่วงปลายเดือนมีนาคมจนถึงเดือนพฤษภาคมของทุกปี ช่วงเวลาที่ดอกซากุระผลิบานจะมาเยือนหมู่เกาะญี่ปุ่นตั้งแต่ตอนใต้ไปจนถึงภาคเหนือ ฮานามิ หรือการชมดอกไม้จึงเป็นกิจกรรมหนึ่งที่ขาดไม่ได้ในฤดูใบไม้ผลิของญี่ปุ่น

ฤดูใบไม้ผลิของญี่ปุ่น นอกจากดอกซากุระแล้ว ยังมีดอกไม้อีกมากมายที่ผลิดอก ทำให้เกิดเป็นจุดชมดอกไม้ที่ดึงดูดผู้คนไปทั่วทั้งประเทศญี่ปุ่น ที่จะแนะนำต่อไปนี้ต่างก็เป็นสถานที่ชมดอกไม้ที่เป็นที่นิยม ลองตั้งธีมการท่องเที่ยวญี่ปุ่นเป็น “ไปดูดอกไม้ที่สวยงาม” ดูไหม

หนึ่งในดอกไม้ที่สามารถชื่นชมได้ในฤดูใบไม้ผลิของญี่ปุ่นคือ “ชิบะซากุระ(Shibazakura)” ซึ่งถูกตั้งชื่อเช่นนี้เพราะสีสันที่เหมือนกับดอกซากุระ และลักษณะการผลิดอกบนพื้นเหมือนต้นหญ้า (ชิบะ หมายถึงต้นหญ้า)

ฟุจิ(Fuji) ก็เป็นหนึ่งในดอกไม้ที่สามารถชมความงามได้ในฤดูใบไม้ผลิเช่นกัน ที่มีชื่อเสียงคือต้นฟุจิอายุกว่า 150 ปีที่ “Ashikaga Flower Park” ในอำเภออาชิกางะ จังหวัดโทจิงิ(Ashikaga-shi, Tochigi) “ฟุจิดานะ(Fujidana; เรือนฟุจิ)” ที่เกิดจากการใช้เสาค้ำกิ่งของต้นไม้อายุเก่าแก่ที่ถูกเรียกว่า “โอฟุจิ(Ofuji; หมายถึงต้นฟุจิต้นใหญ่)” ต้นนี้ แผ่กิ่งก้านกว้างถึง 600 เสื่อ(ประมาณ 1,090 ตร.ม. หรือ 0.26 เอเคอร์) เป็นทัศนียภาพที่สวยงามราวกับจินตนาการ และอุโมงค์ฟุจิขาวที่มีความยาวถึง 80 เมตร(ประมาณ 262.4 ฟุต) ก็เป็นอีกจุดที่น่าชื่นชม

เนโมฟีลา ดอกไม้สีฟ้าน่ารักจะบานสะพรั่งในช่วงปลายเดือนเมษายนจนถึงกลางเดือนพฤษภาคม ที่ Hitachi Seaside Park ในอำเภอฮิตาชิ จังหวัดชิบะ เนินกว้างใหญ่ถูกย้อมไปด้วยสีฟ้าของดอกเนโมฟีลาจนสุดลูกหูลูกตา หลอมรวมกับสีของท้องฟ้าและน้ำทะเล จนเกิดเป็นทิวทัศน์อันงดงามเกินคำบรรยาย

ทั้งชิบะซากุระ โอฟุจิ และเนโมฟีลา ต่างสามารถไปชมได้โดยเดินทางจากโตเกียวด้วยเวลาเพียง 1 ชั่วโมง 30 นาทีถึง 2 ชั่วโมง 30 นาที จึงแนะนำเป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่ท่องเที่ยวภายในโตเกียว

เพิ่มความสนุกสนานให้กับทริปญี่ปุ่นด้วยประสบการณ์สุดพิเศษ

นอกจากชื่นชมดอกไม้อันสวยงามแล้ว ยังมีวิธีเพลิดเพลินกับฤดูกาลของญี่ปุ่นในรูปแบบอื่นด้วย อย่างเช่น ลองไปชมทัศนียภาพบนผืนหิมะสีขาวในฤดูใบไม้ผลิดูไหม

ทาเทยามะมุโระโดไดระ(Tateyama Murododaira) ที่อยู่กลางจังหวัดโทยามะ(Toyama) อยู่บนเขตภูเขาสูงที่อยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเลถึง 2,450 เมตร(ประมาณ 8.038 ฟุต) เป็นสถานที่ที่มีหิมะสุมหนาระดับโลก โดยเฉพาะที่ “โอทานิ(Otani; หุบเขาใหญ่)” ที่อยู่ใกล้ๆกับมุโระโด(สถานที่ที่ครั้งหนึ่งผู้ปฏิบัติธรรมใช้พักแรมเพื่อปฏิบัติกรรมฐานจึงถูกเรียกว่า มุโระโด ที่แปลว่า อารามห้อง) มีปริมาณหิมะทับถมมากเป็นพิเศษ จนบางครั้งมีความหนาถึง 20 เมตร(ประมาณ 65.6 ฟุต)

การเดินบนทางที่ขนาบด้วยกำแพงหิมะสูงตระหง่านของโอทานิ “Otani Walk” เป็นกิจกรรมหนึ่งที่สร้างความประทับใจให้ผู้มาเยือน เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่หิมะหนักจึงปิดทำการในฤดูหนาว นี่จึงเป็นกิจกรรมที่สามารถสัมผัสได้เฉพาะฤดูใบไม้ผลิเท่านั้น ช่วงเวลาที่แนะนำคือระหว่างกลางเดือนเมษายนจนถึงกลางเดือนมิถุนายนของทุกปี เป็นประสบการณ์ที่จะสามารถสัมผัสหิมะได้ด้วยการเดินในโลกแห่งหิมะขาวทั้ง 360 องศา

นอกจากนี้ ยังสามารถสัมผัสฤดูกาลของญี่ปุ่นผ่านอาหารซึ่งเป็นสิ่งที่จะขาดไปไม่ได้ในการเดินทางท่องเที่ยว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “การล่าผลไม้” ที่สามารถเลือกเก็บและรับประทานผลไม้ประจำฤดูอย่างสตรอเบอร์รี่และลูกท้อด้วยตนเอง เป็นกิจกรรมที่สามารถสนุกได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ จุดที่สามารถล่าผลไม้ได้มีอยู่ทั่วไปทั้งเขตคันโต จนถึงทั่วประเทศ การล่าสตอเบอร์รี่ในห้องรักษาอุณหภูมิสามารถทำได้ตั้งแต่เดือนมกราคม ล่าเชอร์รี่ในเดือนพฤษภาคม เป็นกิจกรรมที่สามารถสนุกได้ตามฤดูทั่วทั้งประเทศญี่ปุ่น

“การล่าผลไม้” เป็นกิจกรรมที่ได้เด็ดและลิ้มรสผลไม้สดใหม่ด้วยตนเอง กิจกรรมยอดนิยมนี้สามารถสนุกได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ สามารถเพลิดเพลินกับล่าผลไม้ เช่น สตรอเบอร์รี่ เชอร์รี่ ลูกท้อ และองุ่น ได้ตั้งแต่ฤดูใบไม้ผลิจนถึงฤดูใบไม้ร่วงทั่วทั้งประเทศญี่ปุ่น

นอกจากนี้ การลิ้มรสของดังหรือวัตถุดิบประจำฤดูของแต่ละท้องถิ่นที่ไปเยือน ก็เป็นประสบการณ์น่าประทับใจอีกอย่างหนึ่ง ถ้าสามารถได้ลิ้มลองความอร่อยของแต่ละท้องถิ่น เช่นปู หรือชาบูชาบู พร้อมกับสถานที่ท่องเที่ยวที่สนใจ การท่องเที่ยวก็ยิ่งสนุก

หาประสบการณ์สุดพิเศษอย่างมีประสิทธิภาพ

ไม่ว่าใครก็คงอยากเพลิดเพลินกับทิวทิศน์และพรรณไม้ที่งดงาม และทำให้เป็นภาพแห่งความประทับใจในการท่องเที่ยวประเทศญี่ปุ่น แต่บางครั้งก็ยากที่จะจัดการตารางท่องเที่ยวให้อยู่ภายในเวลาที่มีจำกัด นอกจากนี้ก็มีจุดที่การคมนาคมไม่สะดวกหรือเข้าถึงเองได้ยากอยู่ไม่น้อย ทำอย่างไรจึงจะสามารถ “ทำเรื่องที่อยากทำ” หรือ “ดูที่ที่อยากดู” ได้จึงเป็นโจทย์สำคัญสำหรับการท่องเที่ยว

ที่ผู้กลับมาเยือนญี่ปุ่นมากมายเลือกใช้เป็นวิธี “ท่องเที่ยวญี่ปุ่นโดยใช้เวลาอย่างคุ้มค่า” เพื่อ “สัมผัสประสบการณ์แบบญี่ปุ่น” คือทัวร์ที่บริษัทท่องเที่ยวต่างๆของญี่ปุ่นให้บริการ KNT-CT Holdings ซึ่งดำเนินกิจการ “Club Tourism” บริษัทจัดจำหน่ายทัวร์รายใหญ่กล่าวว่า ที่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติผู้กลับมาเยือนญี่ปุ่นอีกครั้งนิยมใช้บริการคือ ทัวร์แบบไปเช้าเย็นกลับ หรือทัวร์แบบ 2 วัน 1 คืน เหตุผลหลักก็เพราะสามารถจัดการกำหนดการท่องเที่ยในเวลาที่มีจำกัดได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ตัวอย่างเช่น “ทัวร์ชมเนโมฟีลาที่ Hitachi Seaside Park – โอฟุจิที่ Ashikaga Flower Park – บุฟเฟ่ต์เนื้อย่าง” หรือ “เทศกาลฟุจิชิบะซากุระ เยือนชั้น 5 ภูเขาฟุจิ และล่าสตรอเบอร์รี่” ทัวร์ที่สามารถเที่ยวชมสถานที่ท่องเที่ยวที่มีเสน่ห์และลิ้มรสอาหารอร่อยได้ในคราวเดียวกันจะได้รับความนิยม ที่ Club Tourism มีทัวร์มากกว่า 500 รายการไว้บริการนักท่องเที่ยว จึงสามารถเลือกรายการทัวร์ที่ตรงกับความชอบได้

ตัวเลือกจุดตั้งต้นทัวร์ที่หลายหลากก็เป็นสิ่งสำคัญสำหรับนักท่องเที่ยว ที่ Club Tourism นักท่องเที่ยวสามารถเลือกจุดตั้งต้นออกเดินทางได้จากหัวเมืองมากมาย เช่น โตเกียว, โอซาก้า, เกียวโต, ซัปโปโร, นาโงยะ, ฟุคุโอกะ, เซนได, ชิซุโอกะ, หรือฮิโรชิมะ และยังสามารถได้รับความช่วยเหลือในการสำรองทัวร์ด้วยภาษาอังกฤษหรือจีน จึงสามารถใช้บริการได้อย่างอุ่นใจ นอกจากนี้ยังสามารถจัดการท่องเที่ยวเป็นส่วนตัวด้วยรถแท็กซี่หรือรถบัสขนาดเล็ก เช่น “ไพรเวทชาร์เตอร์ท่องเที่ยวพร้อมเจ้าหน้าที่ภาษา 1 คน” ด้วย

เวลาไปเที่ยวญี่ปุ่น ลองใช้บริการทัวร์ดูไหม

Club Tourism ที่กล่าวไปข้างต้น สามารถทำการจองผ่านทางอินเตอร์เน็ตได้ด้วย แลกยังมีทัวร์ที่สามารถทำการจองหลังเดินทางมาญี่ปุ่นแล้วตามวันหรือรายการเดินทางของทัวร์ หลังเดินทางมาถึงญี่ปุ่นสามารถโทรศัพท์เพื่อสอบถามรายละเอียดและทำการสำรองทัวร์ผ่าน Tour Information Center ได้ นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังสามารถแนะนำทัวร์ต่างๆตามช่วงเวลาและงบประมาณให้แก่นักท่องเที่ยวได้อีกด้วย เวลาทำการจองทัวร์ลองสอบถามเรื่องล่ามอาสาสมัครดู อาจจะสามารถจัดหาล่ามให้ตามรายการหรือวันเดินทางของทัวร์ก็ได้

บริษัทท่องเที่ยวที่มีชาวญี่ปุ่นใช้บริการ 4 ล้านต่อปี ใช้บริการทัวร์ที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวที่กลับไปเยือนญี่ปุ่นอีกครั้ง เพื่อสัมผัสประสบการณ์เดินทางสุดพิเศษในญี่ปุ่นกันเถอะ!