ปราสาทชุริ มรดกโลกที่เริ่มต้นวันด้วยเสียงฆ้อง
เดินทางจากท่าอากาศยานนาฮะ(Naha Airport) 30นาทีด้วยรถไฟโมโนเรล จะถึงปราสาทชุริ(Shuri Castle)ซึ่งตั้งอยู่บนเนินที่สามารถมองลงไปเห็นชุริ(Shuri)กรุงเก่าแห่งโอกินาวะได้ ที่นี่เป็นศูนย์กลางการบริหาร การฑูต และวัฒนธรรมของอาณาจักรริวกิวซึ่งมีอายุยืนยาวกว่า450ปีตั้งแต่ศตวรรษที่15
โอกินาวะที่อยู่ทางใต้สุดของหมู่เกาะญี่ปุ่นประกอบด้วยเกาะเล็กเกาะน้อยกว่า160เกาะ หลังช่วงศตวรรษที่14ซึ่งกลุ่มทางตอนเหนือ ตอนกลาง และตอนใต้3กลุ่มต่างคานอำนาจกัน ในปี1429ก็ได้รวมกันกำเนิดเป็น “อาณาจักรริวกิว” ขึ้น อาณาจักรริวกิวซึ่งรุ่งเรืองจากการค้าขายกับทั้งแผ่นดินหลักของญี่ปุ่น จีน เกาหลี และประเทศต่างๆในเอเชียอาคเนย์ ทำให้อาณาจักรนี้ได้รับอิทธิพลจากประเทศต่างๆแล้วเกิดเป็นวัฒนธรรมอันมีเอกลักษณ์ซึ่งหลอมรวมเอาความหลากหลายของวัฒนธรรมเข้าด้วยกัน มรดกโลกปราสาทชุริ เป็นสัญลักษณ์ของวัฒธรรมนั้น
การเข้าชมปราสาทชุริ แนะนำให้ออกเดินทางตั้งแต่เช้าตรู่ เวลา8นาฬิกา25นาทีในตอนเช้า หลังจากเสียงฆ้องดังกังวาลเป็นจังหวะ และเสียงประกาศ “อุเคโจ(เปิดประตู)”แล้ว ประตูโฮชินมง(Hoshinmon)ซึ่งเชื่อมไปยังสวนหน้าตำหนักหลักแห่งปราสาทชุริก็จะถูกเปิดออก เป็นช่วงเวลาพิเศษในยามเช้าที่มีเสียงดนตรีโบราณแห่งริวกิวดังลอยมา
เมื่อผ่านประตูโฮชินมงเข้าไป จะพบกับลานกว้างที่ถูกล้อมรอบด้วยอาคารต่างๆโดยมีตำหนักเซอิเดนเป็นห้องโถงหลักที่อยู่ตรงกลาง ลานนี้เรียกว่า “อุนา(Una;สวน)”เคยถูกใช้เป็นที่จัดพิธีสำคัญอย่างการรับรอง “ซัปโปชิ(Sapposhi)”ฑูตจากจักรพรรดิจีน
โอคุโชอิน(Okushoin)หรือ ห้องโรงรับแขก ที่ราชาประทับในช่วงเวลาพักจากการทรงงานต่างๆ ถูกปูด้วยเสื่อทาทามิแบบญี่ปุ่น สถาปัตยกรรมที่ผสมผสานระหว่างญี่ปุ่นกับจีน เป็นจุดที่น่าชม และไม่ควรที่จะพลาด
ที่ “ซาสึโนะมะ(Sasu no ma)”ซึ่งเคยเป็นห้องพำนักของเจ้าชายรัชทายาท สามารถลิ้มลองขนมพื้นเมืองของ
โอกินาวะ4ชนิดเช่น จินสุโค(Chinsuko)และชาซัมปินจะ(Sanpin cha;ชามะลิ)ได้(มีค่าใช้จ่าย)
ประตูและสวน7แห่งในปราสาทชุริก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรพลาดชม เส้นโค้งอันสวยงามของแนวกำแพงหินที่ทอดยาวจากประตูแสดงให้เห็นฝีมือในการก่อสร้างชั้นสูง วัสดุของแนวกำแพงหิน คือหินปูนริวกิวที่เกิดจากการทับถมของปะการังตั้งแต่โบราณกาล
“เคียวโนะอุจิ(Kyo no uchi)”ที่อยู่ในสวน กล่าวกันว่าเป็นจุดเริ่มต้นของปราสาทชุริ เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ซึ่งเหล่าเทพธิดาให้พรให้อาณาจักรรุ่งเรืองและอุดมสมบูรณ์
“อิริโนะอาซานะ(Iri no azana;หอชมวิวทางตะวันตก)”ที่ถูกสร้างทางด้านทิศตะวันตกของปราสาท สามารถมองเห็นวิวตัวเมืองนาฮะ และท่าเรือนาฮะได้ ในวันที่อากาศปลอดโปร่ง สามารถมองเห็นได้ถึงเกาะ
เครามะ(Kerama shoto)
หลังพระอาทิตย์ลับขอบฟ้า ปราสาทชุริจะถูกโอบด้วยแสงสวยงามก่อนจะจบ1วัน(ไลท์อัพถึงเวลา24นาฬิกา)
งานรื่นเริงอันตระการตาใต้แสงจันทร์
ปราสาทชุริในฤดูใบไม้ร่วง มีอีเวนท์ที่สามารถผัสสัมกับวัฒธรรมริวกิวได้มากมาย ในบรรดาอีเวนท์เหล่านั้นที่เป็นที่นิยม คือ งานจำลอง “จูชูโนะอุตาเงะ(Chushu no utage;งานสังสรรค์กลางฤดูใบไม้ร่วง)”เพื่อต้อนรับ “ซัปโปชิ(Sapposhi;ฑูตนำราชโองการแต่งตั้งจากจักรพรรดิจีน)”ซึ่งจัดในวันที่15สิงหาคมตามปฏิทินโบราณ โดยในงานสามารถชมการฟ้อนรำโบราณแบบริวกิวโดยปูชนียบุคคลของญี่ปุ่น โดยมีตำหนักหลักที่อาบแสงจันทร์เป็นฉากหลัง
ในเทศกาลปราสาทชุริ(Shuri jou matsuri; 31ตุลาคม –3พฤศจิกายน2015)สามารถชื่นชมการจำลองภาพประวัติศาสตร์สมัยราชวงศ์ริวกิวได้ เช่น “ซัปโปกิชิกิ(Sappogishiki)”พิธีเถลิงราชย์ของราชาแห่งริวกิว ขบวนฑูตนำราชโองการจากจีน และการออกเสด็จประพาสของราชาและมเหสี เป็นต้น
“ทามะอุดูง” อีกหนึ่งมรดกโลก
เดินจากปราสาทชุริไปเพียง 5 นาทีจะถึง “ทามะอุดูง(Tamaudun)”สุสานแห่งราชวงศ์ริวกิว กล่าวกันว่าโชชิน(Sho Shin)ราชาองค์ที่3เป็นผู้โปรดให้สร้างขึ้นในช่วงปี1501โดยเจาะช่องที่กำแพงผาที่เชื่อมยาวทิศตะวันออกไปยังตะวันตก และสร้างเป็นห้องเชื่อมต่อกัน3ห้อง บนกำแพงของทามะอุดูงถูกสลักด้วยตราสัญลักษณ์ประจำตระกูลโชและดอกโบตั๋น เหนือหอคอยทางซ้ายขวาประดับด้วยรูปสลักหินของสิงค์(Shisa;ชีซา)ซึ่งคอยปกป้องสุสาน
ชักเย่อเชือกยักษ์ ดึงความสุขและสันติเข้ามา
ที่โอกินาวะ ตั้งแต่สมัยริวกิวมีการจัดงานชักเย่อขึ้นตามท้องที่ต่างๆ โดยใช้ผลแพ้ชนะทำนายความอุดมสมบูรณ์ในการเก็บเกี่ยว การประมง และเพื่อปัดเผ่าภยันอันตรายในปีถัดไป งาน “นาฮะโอซึนะฮิกิ(Naha Oozunahiki)”เริ่มมีขึ้นตั้งแต่ช่วงปี1450 และขาดช่วงไปในปี1935 กระทั่งถูกรื้อฟื้นขึ้นใหม่ในปี1971 เป็นงานมีชื่อของนาฮะ ซึ่งในงานจะมีการชักเย่อเชือกยักษ์เพื่อดึงเอาความสุขและสันติเข้ามา และขอพรเพื่อให้ครอบครัวมีความสุข ค้าขายเจริญรุ่งเรือง จะจัดในวันที่10-12ตุลาคม2015
เชือกในงานนาฮะโอซึนะฮิกิ ซึ่งเป็นงานชักเย่อเชือกยักษ์ที่ยาวถึง200เมตร น้ำหนักรวม43ตัน ผู้ร่วมดึงเชือกทั้งหมดกว่า15,000คน และเมื่อรวมผู้ร่วมชมจะมีผู้ร่วมงานถึง270,000คน เป็นเชือกที่ถูกบันทึกเป็นสถิติโลกโดยกินเนสในปี1995ว่าเป็น “เชือกที่ทำด้วยฟางข้าวที่ใหญ่ที่สุดในโลก” และยังคงครองสถิติอยู่
สถานที่จัดการชักเย่อคือทางหลวงหมายเลข58ถนนหลักของอำเภอนาฮะ เพื่องานชักเย่อนี้ ถนนถูกสร้างให้สามารถถอดหินขอบทางได้ ภายในงานมีการประกาศเป็นภาษาญี่ปุ่น อังกฤษและจีน นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติจึงสามารถเข้าร่วมได้อย่างสบายใจ
ประสบการณ์ตื่นเต้นที่ถูกกระตุ้นด้วยเสียงร้องเข้าจังหวะ
‘เราเข้าร่วมกันทั้งครอบครัวค่ะ ลูกสาวที่ได้ลองชักเย่อเป็นครั้งแรกดีใจใหญ่ เสียงร้องเข้าจังหวะของคนที่แต่งตัวเหมือนๆกันทำให้เรารู้สึกฮึดและตั้งใจดึงกันสุดกำลัง และการที่สามารถตั้งเชือกส่วนที่ดึงเอากลับไปเป็นเครื่องรางเรียกความสุขได้ ก็น่าดีใจมากเลยล่ะค่ะ’
เรียนรู้ประวัติศาสตร์ของอาณาจักรริวกิวได้จากหลากหลายภาษา
ถ้ามีความสนใจเกี่ยวกับวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ของอาณาจักรริวกิวล่ะก็ ลองไปที่พิพิธภัณฑ์ประจำจังหวัดโอกินาวะดู ตั้งแต่พฤษภาคม2015ที่พิพิธภัณฑ์เริ่มมีการใช้สมาร์ตโฟนในการนำชมภายในพิพิธภัณฑ์ด้วยเสียงบรรยายหลากหลายภาษา เมื่อดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นจากปากทางเข้าห้องจัดแสดง และเข้าใกล้จุดจัดแสดงกว่า50จุด สมาร์ตโฟนจะแสดงข้อความอธิบายโดยอัตโนมัติ และยังสามารถฟังเสียงบรรยายได้ถึง5ภาษา คือ ญี่ปุ่น อังกฤษ จีน(แมนดาริน)เกาหลี และสเปน
พิพิธภัณฑ์ตั้งอยู่ที่โอโมโระมาจิ(Omoromachi)ที่มีร้านสินค้าปลอดภาษี(Duty Free Shop)กลางเมืองเพียงแห่งเดียวของญี่ปุ่น และยังมีห้างสรรพสินค้ามากมาย ซึ่งสามารถเพลิดเพลินกับการเดินเล่นหรือชอปปิ้งได้ในขากลับ
ลองดู!สัมผัสวัฒนธรรมที่ทำได้แค่ที่โอกินาวะเท่านั้น
ทดลองสวมเครื่องแต่งกายพื้นเมืองริวโซ
ริวโซ(Ryoso) คือเครื่องแต่งกายพื้นเมืองของอาณาจักรริวกิว เสื้อผ้าสีแดงสดของชนชั้นสูง สามารถแต่งได้ง่ายด้วยผ้ารัดเอวเพียงผืนเดียว จึงสวมใส่สบายสำหรับผู้ลองใส่เป็นครั้งแรก
การย้อมปะการัง(Sango some)
การย้อมผ้าโดยใช้ลวดลายจากปะการังจริง เป็นลักษณะเฉพาะของการย้อมแบบโอกินาวะ การย้อมทำโดยใช้สีที่ถูกใจ เช่น ฟ้า แดง เหลือง ม่วง ค่อยๆตบลงบนเนื้อผ้า สามารถทำผ้าพันคอ เสื้อยืด หรือกระเป๋าลายออริจินัลได้ด้วยเวลาเพียง40นาที จึงเหมาะที่จะเป็นของฝาก
ชาบุคุบุคุจะ(Bukubuku cha)
“ชาบุคุบุคุจะ” ทำให้คนที่เห็นเป็นครั้งแรกต้องตกใจว่า “นี่คือน้ำชาหรอ?”ด้วยการผสมน้ำที่ได้จากการต้มข้าวคั่ว ชาบันจะ(ชาเขียวประเภทหนึ่ง)และชาซัมปินจะเข้าด้วยกันแล้วใช้ชะเซ็น(ที่ชงชา)ชนิดแข็งตีให้เกิดฟอง บนฟองจะโรยด้วยถั่วลิสงบด และข้างใต้ฟองจะเป็นชาบันจะหรือชาซัมปินจะ และข้าวเซกิฮัง(Sekihan;ข้าวที่หุงพร้อมถั่วแดง ใช้รับประทานในงานมงคล)ขนาดพอดีคำ เป็นชาที่ใช้ในการต้อนรับฑูตจากจีนมาตั้งแต่สมัยราชวงศ์ริวกิว และยังคงใช้เป็นชาในงานมงคลของชาวโอกินาวะในปัจจุบันด้วย
วัฒนธรรมของอาณาจักรริวกิว ทั้งสวยงามและให้ความประทับใจ ลองไปสัมผัสกับเสน่ห์ที่ว่ากันว่าจะติดใจหากได้ลองไปสักครั้งกันเถอะ!ในฉบับกุมภาพันธ์2016จะนำเสนอเหล่าดอกไม้นานาพันธุ์ของโอกินาวะ และซากุระที่บานเร็วที่สุดในญี่ปุ่น โปรดติดตามชม